นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการวิจัยและพัฒนาวัคซีน ChulaCOV19 และจุฬาฯ-ใบยา

นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ศ.พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้เดินทางมาที่อาคารจุฬาพัฒน์ 14 ตรวจเยี่ยมการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด-19 โดยใช้เซลล์พืชเป็นแหล่งผลิต (วัคซีนใบยา) ซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นผลสำเร็จครั้งแรกในประเทศไทย โดยนักวิจัยคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ จากบริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมโรงงานผลิตวัคซีนจากใบยา การเพาะเลี้ยงพืชและผลิตวัคซีน และฟังการบรรยายเรื่อง “การพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย” โดย ศ.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไลปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม และการบรรยายเรื่อง “การวิจัยและพัฒนาวัคซีนโดยใช้เซลล์พืชเป็นแหล่งผลิต (วัคซีนใบยา)” โดย ผศ.ภญ.ดร.สุธีรา เตชคุณวุฒิ นักวิจัยและพัฒนาวัคซีนบริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด จากนั้นนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายการดำเนินงานด้านวัคซีนในประเทศไทย
วัคซีนจุฬาฯ-ใบยา เริ่มพัฒนามาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ผลการทดสอบในหนูทดลองและลิงพบว่าช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี โดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ให้การสนับสนุนงบประมาณ 160 ล้านบาท แก่จุฬาฯ และบริษัทใบยาในการปรับปรุงพัฒนาโรงงานต้นแบบการผลิตวัคซีนและชีววัตถุโดยใช้พืช ณ ชั้น 11 อาคารจุฬาพัฒน์ 14 ขนาด 1,200 ตารางเมตร ซึ่งได้ผ่านมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมรองรับการผลิตวัคซีนในขั้นต้น เริ่มตั้งแต่เพาะเลี้ยงแบคทีเรียพาหะสารพันธุกรรมของโคโรนาไวรัส ปลูกถ่ายลงในใบยาสูบ เพาะพันธุ์เพิ่มจำนวน และเก็บเกี่ยวเพื่อสกัดโปรตีนสำหรับใช้ผลิตวัคซีน ก่อนนำส่งไปทำวัคซีนให้บริสุทธิ์ที่บริษัท คินเจ่นไบโอเทค จำกัด จากนั้นผสมและแบ่งบรรจุวัคซีนที่สถานเสาวภาต่อไป
ทั้งนี้ วัคซีนจุฬา-ใบยา จะเริ่มต้นทดสอบในมนุษย์ เฟสที่ 1 ช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ จำนวนประมาณ 100 คน ในขนาดโดส 10 ไมโครกรัม 50 ไมโครกรัม และ 100 ไมโครกรัม คาดว่าในไตรมาส 3 ของปี 2565 สามารถผลิตวัคซีนป้องกันโควิด 19 ฝีมือคนไทยในประเทศเองได้มาก 1-5 ล้านโดสต่อเดือน หรือราว 60 ล้านโดสต่อปี

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า