ใช้ยาลดปวด ลดอักเสบ ถูกวิธี ชีวีมีสุข

รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : ใช้ยาลดปวด ลดอักเสบ ถูกวิธี ชีวีมีสุข
หนึ่งในอาการน่ารำคาญ รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรืออาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นทำให้ทุกข์ทรมานคืออาการปวด ซึ่งพบได้ทั่วไป และเกิดได้กับทุกคน ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ อาการปวดอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การใช้งานกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งหนักเกินไปการถูกกระทบกระแทกอย่างรุนแรง หรือเกิดจากโรคประจำตัวบางอย่างแล้วทำให้เกิดการอักเสบ เช่น โรคทางระบบประสาท โรคเบาหวาน เป็นต้น
อาการปวดบางอย่างมักเป็นๆ หายๆ เช่น ปวดศีรษะไมเกรน ปวดประจำเดือน แต่ถ้าอาการปวดนั้นกินเวลานานกว่า 6 เดือน จะถือว่าเป็นอาการเรื้อรัง สาเหตุที่พบบ่อย เช่น โรคข้ออักเสบ ข้อเสื่อม หมอนรองกระดูกเสื่อม กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม การบาดเจ็บเรื้อรัง และโรคมะเร็ง
หนึ่งในวิธีที่ใช้บรรเทาอาการปวดมากที่สุด คือการรับประทานยาแก้ปวด ยาที่นิยมใช้มากที่สุดสำหรับการบรรเทาอาการปวดในระดับปานกลาง ได้แก่ พาราเซตามอล แต่มีข้อควรระวังสำหรับการใช้ยานี้คือ ห้ามรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (4 กรัม) และห้ามใช้ติดต่อกันเกิน 5 วัน เพราะเป็นอันตรายต่อตับ อย่าลืมว่าตับมีหน้าที่เปลี่ยนแปลงยาพาราเซตามอลให้เป็นสารที่ไม่มีพิษ กล่าวโดยสรุปแล้ว อัตราสูงสุดที่ตับสามารถรับมือกับปริมาณยาพาราเซตามอลได้ คือไม่เกินขนาดและระยะเวลาวันละ 4 กรัม ห้ามใช้ติดต่อกันเกิน 5 วัน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยาตัวนี้บางรายมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ คือ กลุ่มคนเป็นโรคตับอยู่เดิม คนดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำสม่ำเสมอ
ถึงแม้ว่าพาราเซตามอลจะสามารถบรรเทาอาการปวดในระดับปานกลางได้ดี แต่กรณีที่เป็นความปวดระดับรุนแรง หรือรับประทานยาพาราเซตามอลแล้วไม่ได้ผล ยาอีกกลุ่มที่ถูกเลือก คือยาในกลุ่ม NSAIDs หรือยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ที่ถูกใช้บ่อยคือ ไอบูโพรเฟน นาพร็อกเซนไดโคลฟีแนก เป็นต้น
จริงอยู่ที่ยาเหล่านี้อาจมีฤทธิ์ลดความปวดได้มากกว่าพาราเซตามอล แต่ในแง่ของความปลอดภัยยากลุ่มนี้มีข้อควรระวังที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมหลายอย่าง เช่น โอกาสแพ้ยาที่พบได้มากกว่า อาการระคายเคืองกระเพาะอาหาร พิษต่อไตและตับ ซึ่งหมายความว่า หากเป็นอาการปวดเรื้อรังที่ต้องกินยาต่อเนื่อง การใช้ยากลุ่มนี้อาจไม่เหมาะ หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัวและผู้สูงอายุ ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ หรือเภสัชกรอย่างใกล้ชิด
ปัญหาที่พบบ่อยเมื่อใช้ยาบรรเทาปวดด้วยตนเองคือ เช่น ใช้ยาซ้ำซ้อน ตัวอย่างคือใช้ยาพาราเซตามอลร่วมกับยาบรรเทาปวดคลายกล้ามเนื้อสูตรพาราเซตามอลผสมยาคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ได้รับยาพาราเซตามอลในขนาดที่สูงเกินไป หรืออีกกรณีที่พบบ่อยคือ การใช้ NSAIDs พร้อมกันมากกว่า 1 ชนิด นอกจากไม่เพิ่มประสิทธิภาพของยา เพราะไม่ช่วยลดการปวดอักเสบแล้ว ยังทำให้เกิดอันตรายจากอาการไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น
ผู้ป่วยสูงอายุจำนวนไม่น้อยที่ไปรักษาตัวที่ห้องฉุกเฉิน เพราะภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร หรือไตวายเฉียบพลัน จากการใช้ยาชุดบรรเทาปวด หลังจากดูรายละเอียดในยาชุด พบว่ายาชุดประกอบด้วย NSAIDs 2 ชนิด และมียาสเตียรอยด์ด้วย ซึ่งเพิ่มอันตรายมากขึ้นไปอีก
สรุป พาราเซตามอล และ NSAIDs เป็นยาบรรเทาปวดที่มีความปลอดภัยระดับหนึ่ง ดังนั้นต้องใช้ยานี้ด้วยความระมัดระวัง ในกรณีที่มีอาการปวดเรื้อรัง ปวดรุนแรง ต้องได้รับการดูแลการใช้ยาจากแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อประสิทธิผลการรักษา และความปลอดภัยสูงสุด
รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และรศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า