มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง


รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง

วันจันทร์ ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 07.45 น.

    มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง หรือ colorectal cancer เป็นมะเร็งที่พบบ่อยทั้งระดับประเทศและโลก จากสถิติในปี 2020 คนไทยป่วยด้วยโรคมะเร็งนี้ประมาณ 20,000 คนจัดเป็นมะเร็งอันดับที่ 4-5 ในคนไทย ในปีเดียวกัน มีการเสียชีวิตจากมะเร็งนี้ประมาณ 10,000 ราย จากข้อมูลจะเห็นได้ว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญระดับประเทศ ที่เราต้องให้ความรู้กับประชาชน เพื่อให้ดูแลตนเองให้ถูกต้อง เพื่อลดการป่วยและตายจากโรคมะเร็งนี้

    ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ และปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ ก่อนอื่นเรามาพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ก่อนเพื่อจะได้ทราบว่าขณะนี้ตนเองมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด และต้องเฝ้าระวังอาการของตนเองในระดับใด ปัจจัยเสี่ยงชนิดนี้ ได้แก่

      (1) ความชรา ซึ่งเราเลี่ยงมิได้ อายุที่เพิ่มขึ้น ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการพบมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง โดยเฉพาะอายุที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 50 ปีขึ้นไป

      (2) เคยตรวจพบติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่และไส้ตรง หรือมีประวัติเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง

      (3) เป็นโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง

      (4) การมีโรคทางกรรมพันธุ์บางชนิด เช่น Lynch Syndrome (hereditary non-polyposis colorectal cancer หรือ HNPCC), familial adenomatous polyposis (FAP) เป็นต้น

      (6) มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้

      (7) เป็นโรคเบาหวาน

    ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนได้ของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ซึ่งประชาชนควรอย่างยิ่งที่จะต้องทราบเพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เพื่อลดโอกาสการเจ็บป่วยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีความเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้อยู่แล้ว ได้แก่

      (1) มีน้ำหนักเกินหรือมีภาวะอ้วน

      (2) ไม่ออกกำลังกาย หรือชอบอยู่ในสภาวะเนือยนิ่ง

      (3) บริโภคอาหารบางจำพวกมากเกินไป เช่น เนื้อแดงไขมันสัตว์ เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก เบค่อน เป็นต้น

      (4) สูบบุหรี่

      (5) ดื่มสุรา

    ซึ่งในส่วนของข้อ 4 และ 5 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเกี่ยวข้องกับการป่วยและตายด้วยโรคมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ รวมถึงโรคเรื้อรังอื่นด้วยกุญแจสำคัญที่จะทำให้การรักษามะเร็งประสบความสำเร็จ ยืดชีวิตคนไข้ได้นานที่สุดคือ การค้นพบโรคได้เร็วที่สุด อย่างน้อยก่อนที่โรคจะอยู่ในระยะลุกลาม เพราะเมื่อมะเร็งลุกลามออกนอกจุดเริ่มต้นของการเกิดโรคแล้วการรักษาจะยากขึ้นมาก

    ดังนั้นสมาคมวิชาชีพด้านสาธารณสุขจึงพยายามออกคำแนะนำเพื่อให้เกิดการตรวจคัดกรองอย่างทันเวลา ก่อนที่โรคมะเร็งจะแสดงอาการ

    สมาคมแพทย์ทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย ให้คำแนะนำการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงไว้ดังนี้ บุคคลทั่วไปที่อายุ 50 ปีขึ้นไปทุกคน จัดเป็นกลุ่มมีความเสี่ยงปานกลาง ควรไปการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ อย่างไรก็ตามพบอุบัติการณ์มะเร็งลำไส้ใหญ่สูงขึ้นในคนอายุน้อยลงในระยะหลังๆ ดังนั้น ในบางแนวทางปฏิบัติจึงแนะนำให้เริ่มตรวจคัดกรองเร็วขึ้นตั้งแต่อายุ 45 ปี

    ผู้มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป ควรได้รับการตรวจคัดกรองเร็วขึ้นตามความเสี่ยงที่มี ได้แก่ ผู้ป่วยโรคพันธุกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ผู้มีญาติลำดับที่ 1 (บิดา มารดา พี่ น้องร่วมสายเลือด) ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือตรวจพบติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงต่อการกลายเป็นมะเร็งสูง ผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบเรื้อรังหรือ (inflammatory bowel disease (IBD) ผู้ป่วยที่มีประวัติมีติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่ หรือเคยป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่มาก่อน

    วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงหลักๆ มี 3 วิธี ได้แก่

      (1) ตรวจหาเลือดออกแฝงในอุจจาระทุก 1-2 ปี

      (2) การตรวจส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ซึ่งโดยประมาณทำทุก 10 ปี ถ้าผลตรวจไม่พบความผิดปกติ

      (3) การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่

    ภาครัฐโดย สปสช. เห็นความสำคัญของการตรวจคัดกรองนี้เช่นเดียวกัน ไม่เฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเท่านั้น ประชาชนที่มีสิทธิบัตรทองสามารถใช้สิทธิประโยชน์ตรวจคัดกรองมะเร็ง 3 รายการ คือ มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งช่องปาก อย่างสะดวกสบายโดยใช้บริการได้ที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น รพ.สต. สถานีอนามัย ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาล ที่เป็นหน่วยบริการประจำตามสิทธิ หรือสถานพยาบาลที่ท่านไปใช้บริการเป็นประจำ

    เพียงเท่านี้ ท่านก็พอจะทราบถึงแนวทางที่ทำให้ชีวิตห่างไกลจากมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้ และช่วยลดโอกาสพบการเกิดมะเร็งในระยะที่รักษายากได้ด้วย

ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และรศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้

บันทึก

Leave Comment

 
 
Contact : 254 ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
02-218-8257
Email: info@pharm.chula.ac.th
ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับยา สุขภาพหรือนวัตกรรมของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ที่ Line official @guruya หรือเว็บไซต์ https://www.pharm.chula.ac.th/guruya/