หวานเป็นลม ขมเป็นยา (สารให้ความหวานแทนน้ำตาล) ตอนที่ 3


รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : หวานเป็นลม ขมเป็นยา (สารให้ความหวานแทนน้ำตาล) ตอนที่ 3

วันจันทร์ ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 07.40 น.

    เราพูดถึงเรื่องการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลมาต่อเนื่องกัน 3 สัปดาห์แล้ว โดยเฉพาะสารให้ความหวานแทนน้ำตาล เช่น acesulfame potassium, advantame, aspartame, cyclamate, neotame, saccharin, steviol glycosides, sucralose และเราก็ทราบแล้วว่า สารเหล่านี้ไม่ได้ช่วยควบคุมน้ำหนัก ไม่ได้ทำให้เป็นเบาหวานน้อยกว่าคนที่กินน้ำตาล แต่ที่น่าตกใจคือ คนที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลเหล่านี้ ยังมีความเสี่ยงเป็นโรคระบบหัวใจ และหลอดเลือดสูงกว่าคนที่ไม่บริโภค

    นั่นหมายความว่าการบริโภคน้ำตาลเทียมแทนน้ำตาลปกติ ไม่ช่วยป้องกันโรคอย่างที่เราคาดหวัง อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนยังคงย้ำว่า เราสามารถใช้น้ำตาลเทียมเหล่านี้เพื่อลดปริมาณน้ำตาลและพลังงานที่เรารับสู่ร่างกายได้

    สัปดาห์นี้ จะพูดถึงผลต่อสุขภาพของคนในกลุ่มใช้น้ำตาลเทียมเป็นประจำอีก 2 หัวข้อ คือ โอกาสเกิดมะเร็ง และการคลอดก่อนกำหนด

    ในรายงานการวิจัยขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าผู้ใช้น้ำตาลเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งขัณฑสกร หรือ saccharine เป็นประจำ เสี่ยงเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่อย่างตกอกตกใจเกินไปว่า น้ำตาลเทียมเป็นสารก่อมะเร็ง เพราะเมื่ออ้างจากงานวิจัยลักษณะ โดยการเก็บข้อมูลย้อนหลังเท่านั้น แต่อันที่จริงก็ยากที่จะระบุถึงปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดของโรคมะเร็ง ระหว่างคนใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลกับผู้ไม่ใช้น้ำตาลเทียม ได้อย่างละเอียด

    ขัณฑสกร หรือ saccharine เป็นสารให้ความหวานสังเคราะห์ที่มีความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 300-700 เท่า มักถูกนำไปใช้ในอาหารจำพวก ผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม ผลไม้กวน

    ทั้งนี้ คณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ของไทยไม่อนุญาตให้ใช้สารนี้ในเครื่องดื่ม แต่เพราะสารนี้มีราคาถูก ผู้ผลิตอาหารที่ไม่มีความรู้ หรือไร้จรรยาบรรณ ก็ยังใช้เพื่อลดต้นทุน ดังนั้น ถ้าเราจะเลี่ยงขัณฑสกร เพื่อลดความเสี่ยงโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ก็ต้องเลี่ยงการบริโภคอาหารหวานจัด จากผู้ผลิตที่ไม่น่าไว้วางใจ

    อีกประเด็นหนึ่ง คือเรื่องสารให้ความหวานแทนน้ำตาลกับการคลอดก่อนกำหนด รายงานของ WHO ระบุว่าการบริโภคสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเพิ่มความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดเล็กน้อย

    ในส่วนนี้ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลตัวใด แต่กลุ่มคนที่น่าห่วงก็คือคุณแม่ที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งต่อไปนี้ต้องระวังมากขึ้น

    ข้อคิดที่ได้จากรายงานเรื่องสารให้ความหวานแทนน้ำตาลของ WHO คือ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีทางลัด สำหรับการมีสุขภาพดี แต่ต้องปฏิบัติตัวตามองค์ความรู้ที่เรียนมาสมัยเด็กๆ คือ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนและปริมาณที่เหมาะสม ลดความหวาน (ไม่ใช่แค่ลดน้ำตาล)ลดเค็ม ลดมัน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอย่างสม่ำเสมอ เมื่ออายุมากขึ้นก็มีโอกาสป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมากขึ้น หากเจ็บป่วยก็ต้องไปพบแพทย์ตามนัด และใช้ยาตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และรศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้

บันทึก

Leave Comment

 
 
Contact : 254 ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
02-218-8257
Email: info@pharm.chula.ac.th
ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับยา สุขภาพหรือนวัตกรรมของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ที่ Line official @guruya หรือเว็บไซต์ https://www.pharm.chula.ac.th/guruya/