การพัฒนาสมุนไพรเพื่อประโยชน์ของคนไทย


รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ: การพัฒนาสมุนไพรเพื่อประโยชน์ของคนไทย

วันจันทร์ ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 13.27 น.

การใช้สมุนไพรรักษาโรค บำบัดอาการต่าง ๆ เป็นภูมิปัญญาของมวลมนุษยชาติมาหลายพันปี จากที่เคยใช้กิ่งก้านใบมาต้มเคี่ยวแล้วกิน แต่ปัจจุบันเราพัฒนายาจากสมุนไพรให้มีมาตรฐานมากขึ้น ทำให้กินและใช้ได้ง่ายขึ้นในรูปแบบเม็ดหรือแคปซูล เป็นต้น ในแง่การใช้งาน ประชาชนทั่วไปอาจมองว่า สมุนไพรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างปลอดภัย เพราะมาจากธรรมชาติ เข้าถึงง่าย จึงไม่น่าแปลกที่อุตสาหกรรมในด้านนี้เติบโตต่อเนื่อง

ถ้ามองเชิงนโยบาย สมุนไพรเป็นคำตอบสำหรับความมั่นคงทางยา ไม่ต้องย้อนไปไกลมาก แค่เมื่อ 5 ปีก่อนก็พอ เราต้องรอยาต้านไวรัสโควิดจากต่างประเทศ ได้มาก็ไม่พอใช้ โชคยังดีที่มีฟ้าทะลายโจรอยู่จึงพอประทังไปก่อนได้ แต่ก็ได้เรียนรู้จากห้วงเวลานั้นพอสมควรว่า มาตรฐานด้านความปลอดภัย คุณภาพของผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร และการรวบรวมข้อมูลประสิทธิผลทางคลินิกอย่างเป็นระบบ ยังต้องการการยกระดับขึ้นอีกมาก

การตัดสินใจเลือกใช้ยาจากสมุนไพรในมุมมองของประชาชนกับบุคลากรทางการแพทย์มีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ขณะที่ประชาชนอาจจะมองว่าสมุนไพรเป็นคำในหมวดเดียวกับธรรมชาติ ธรรมชาติ แล้วก็เชื่อมโยงกับคำว่าปลอดภัยไปด้วย แต่ต้องบอกว่าเป็นความเข้าใจผิด

ก่อนอื่นต้องย้ำว่า สมุนไพรถ้าให้ฤทธิ์การรักษาต่อร่างกาย หรือผลใด ๆ ที่เกิดขึ้น แสดงว่าในสมุนไพรต้องมีสารเคมีที่ออกฤทธิ์ เพียงแต่ว่าสารเคมีดังกล่าวถูกผลิตจากธรรมชาติ และสารเคมีเหล่านี้ก็สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียง และอาการไม่พึงประสงค์ รวมถึงอาการแพ้ เช่นเดียวกับยาเคมีทั่วไป การใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ทั้งที่เป็นยาและไม่ใช่ยา อาจทำให้แพ้ เกิดผลข้างเคียง ตีกับโรคหรือยาที่ผู้ป่วยรับประทานอยู่ ผู้ที่โรคประจำตัวหรือมียาที่ใช้อยู่ประจำ ก่อนใช้สมุนไพรใด ๆ จำเป็นต้องตรวจสอบก่อนว่าใช้ร่วมกับยาประจำได้หรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัยมากที่สุด

ตัวอย่างปัญหายาตีกับสมุนไพร ที่เป็นข้อกังวลมากที่สุดเมื่อช่วงโควิดที่ผ่านมาคือ ผู้ป่วยที่กินยาละลายลิ่มเลือดวอร์ฟาริน เมื่อใช้สมุนไพรไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร หรือขมิ้นชัน ก็ทำให้ค่าการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ บางรายจำเป็นต้องปรับขนาดยาวอร์ฟาริน

จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนก็เคยเจอว่าผู้ป่วยมีค่าตับผิดปกติ ซักไปซักมา สาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุด น่าจะมาจากสมุนไพรที่กิน ซึ่งขอไม่ระบุว่าเป็นตัวใดเพื่อป้องกันความเข้าใจผิดต่อสมุนไพรตัวนั้น เอาเป็นว่าสมุนไพรก็มีอาการไม่พึงประสงค์ อาการข้างเคียงได้เหมือนกันกับยาแผนปัจจุบันนั่นเอง ดังนั้น การใช้ก็ต้องสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นและปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันทีที่พบความผิดปกติ

จากความพยายามในระดับประเทศทั้งหน่วยงานต่าง ๆ ที่พยายามให้สมุนไพรไทยพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่ดูเหมือนว่ายังมีช่องว่างอยู่พอสมควรที่สัมพันธ์กับคุณภาพและความปลอดภัย นโยบายล่าสุดที่พยายาม แต่ดูเหมือนจะขาด ๆ เกิน ๆ และอาจจะยังต้องสนับสนุนในบางส่วนเพิ่มเติม เช่น การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการซึ่งเป็นส่วนที่รัฐต้องช่วยเพื่อให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์สมุนไพรนั้นเข้ามาตรฐาน ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่เล็งเห็นว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์และยาสมุนไพรเป็นเรื่องสำคัญ แต่ยังขาดเรื่องความรู้ และงบประมาณในการพัฒนาและควบคุมคุณภาพ เช่น ประสิทธิผลการออกฤทธิ์ของสมุนไพรขึ้นกับปริมาณสารสำคัญ ซึ่งปริมาณสารสำคัญในสมุนไพรมีความแตกต่างกันจากหลายปัจจัย เช่น สถานที่ปลูก ฤดูการเพาะปลูก กระบวนการเก็บเกี่ยว กระบวนการผลิต มีผลทำให้ปริมาณสารสำคัญไม่เท่ากัน

อีกทั้ง อาจจะยังขาดองค์ความรู้ในการควบคุมปริมาณสารสำคัญดังกล่าว และยังมีอีกปัญหาหนึ่ง คือเรื่องการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ที่อยู่ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งปัญหานี้สามารถแก้ไขได้หลายวิธี เช่น สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับลดปริมาณเชื้อที่ปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้อย่างไม่ยาก อาจมีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนค่าใช้บริการบางส่วน สิ่งเหล่านี้หากรัฐช่วยสนันสนุนอย่างจริงจังในการพัฒนาแก่ผู้ประกอบการ ย่อมส่งผลให้เกิดความยั่งยืนและการพัฒนาในอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ไม่ได้หมายความว่าผู้เขียนไม่สนับสนุนการใช้สมุนไพรแต่อย่างใด ตรงกันข้าม ในฐานะเภสัชกรชาวไทยคนหนึ่ง ก็อยากให้ยาพัฒนาจากสมุนไพร ถูกนำมาใช้อย่างถูกโรค ถูกคน ถูกเวลา เพื่อให้ได้ประสิทธิผลและความปลอดภัยอย่างสูงสุด และนำพาให้สมุนไพรเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติมากขึ้น และสามารถลดการใช้ยาแผนปัจจุบันได้ในบางโอกาส ซึ่งต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า ณ ขณะนี้ ยังมีทั้งช่องว่างของความรู้และโอกาสในการพัฒนาที่ทุกคนในวงการยาที่กำลังพัฒนาจากสมุนไพรจำเป็นต้องเร่งมือทำงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และความมั่นคงทางยาของประเทศในอนาคต

รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และ รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้

บันทึก

Leave Comment

 
 
Contact : 254 ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
02-218-8257
Email: info@pharm.chula.ac.th
ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับยา สุขภาพหรือนวัตกรรมของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ที่ Line official @guruya หรือเว็บไซต์ https://www.pharm.chula.ac.th/guruya/