วิตามินดี ถ้ากินมากไป ก็อันตราย

รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : วิตามินดี ถ้ากินมากไป ก็อันตราย
มนุษย์ทุกคนย่อมปรารถนาการมีสุขภาพดี การอยู่การกินจึงสำคัญกับสุขภาพมาก กินอาหารดีออกกำลังกายเป็นประจำ ตรวจร่างกายสม่ำเสมอ ก็ช่วยให้มั่นใจว่าสุขภาพยังคงดีอยู่ แต่บางคนก็หาวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมาบำรุงร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น ยิ่งในยุคสมัยที่บ้านเมืองเต็มไปด้วย (พวกอวดอ้างว่าเป็นกูรู) ที่พบกันทั่วไปในโซเชียลมีเดียก็ทำให้ผู้เสพสื่ออาจวิตกว่าจะต้องกินอะไรพิเศษมากไปกว่าอาหาร 5 หมู่ที่ครบถ้วนหรือไม่ หนึ่งในคำถามที่ผู้เขียนได้รับบ่อยๆ คือเรื่องการรับประทานวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินดี
วิตามินดีอยู่ในวิตามินที่ละลายในไขมัน ขอย้ำว่าเป็นวิตามินที่สำคัญมากต่อร่างกาย โดยเฉพาะการเสริมสร้างกระดูกและฟัน รักษาระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสในเลือดสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานมีประสิทธิภาพ
ร่างกายของเราสร้างวิตามินดีได้เมื่อร่างกายสัมผัสแสงแดด โดยทั่วไปเพียงแค่เราได้รับแสงแดดเพียงพอก็ลดความเสี่ยงการขาดวิตามินดี นอกจากนี้ วิตามินดียังมีในอาหารจำพวกตับ ไข่แดง ปลาตะเพียน ปลาทับทิม ปลานิล ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน เป็นต้น
แต่หลายคนก็พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด (มากจนเกินไป) แล้วยังรับประทานอาหารไม่เพียงพอ จึงพบว่าประชากรไทยมีปัญหาขาดวิตามินดีจำนวนไม่น้อย โดยพบว่ากลุ่มคนที่เสี่ยงขาดวิตามินดี ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ทำงานในร่มตลอดเวลา หญิงให้นมบุตร ผู้มีโรคเรื้อรัง ผู้ที่ไตและตับทำงานผิดปกติ
จะรู้ได้อย่างไรว่าเราขาดวิตามินดีหรือไม่ เพราะผู้ขาดวิตามินดีจะมีอาการไม่ค่อยจำเพาะเจาะจงเหมือนการขาดวิตามินอื่นๆ อาการที่อาจบ่งบอกว่าร่างกายขาดวิตามินดีในผู้ใหญ่ เช่น อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ เป็นตะคริวบ่อย ปวดกระดูกหรือข้อ มวลกระดูกลดลง หรือในบางรายอาจมีปัญหาเกี่ยวกับอารมณ์ เช่น มีอาการซึมเศร้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่สามารถบอกได้แม่นยำที่สุดว่าเราขาดวิตามินดีหรือไม่ คือการตรวจวัดระดับวิตามินดีในเลือด ซึ่งหากแพทย์สงสัยว่าเราขาดวิตามินดี หรือมีอาการรวมถึงผลการตรวจร่างกายอื่นๆ ที่บ่งบอกว่าอาจเกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินดี แพทย์จะแนะนำให้เราตรวจระดับวิตามินดีในเลือดก่อนที่จะให้วิตามินดี
เนื่องจากการกินวิตามินดีเสริม ควรทำเมื่อร่างกายมีการขาดวิตามินดีเท่านั้น ส่วนการเลือกรูปแบบวิตามินดีที่จะเสริมก็แตกต่างกันไป ขึ้นกับสภาวะร่างกาย และโรคประจำตัวของแต่ละคน แต่หากเรากังวลว่าอาจขาดวิตามินดี และอยากกินเสริม เราต้องเข้าใจก่อนว่าวิตามินดีละลายในไขมัน และอาจสะสมในร่างกายในระดับที่สูงเกินไปจนเกิดอันตราย โดยเบื้องต้นปริมาณวิตามินดีที่แนะนำในแต่ละช่วงวัย คือ ทารก (0-12 เดือน)400 IU ต่อวัน หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร 600 IU ต่อวันเด็กและผู้ใหญ่ 600 IU ต่อวัน ผู้สูงอายุ 800 IU ต่อวัน และในผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอเพื่อความปลอดภัย
เพราะหากระดับวิตามินดีในร่างกายสูงเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะระดับแคลเซียมสูงในเลือด เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ปวดกล้ามเนื้อ และปัสสาวะบ่อย มีปัญหาทางระบบทางเดินอาหาร อาจเกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก หรือท้องเสีย การเสริมวิตามินดีในปริมาณสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต ไตทำงานหนัก การใช้วิตามินดีในปริมาณสูงเป็นเวลานานอาจส่งผลให้ไตต้องทำงานหนัก ในกรณีรุนแรงอาจเกิดภาวะไตวาย
เราป้องกันการขาดวิตามินดีได้โดยสัมผัสแสงแดดอ่อนๆ ช่วงเช้าหรือเย็นประมาณวันละ 10-15 นาที กินอาหารที่มีวิตามินดีในปริมาณเพียงพอ
ส่วนวิตามินดีที่มีจำหน่ายมีทั้งรูปที่เป็นยา และเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในกรณีที่เกิดภาวะขาดวิตามินดี และจำเป็นต้องรับประทานเสริม แนะนำให้ใช้วิตามินดีในรูปแบบยาเนื่องจาก มีการควบคุมคุณภาพ และปริมาณวิตามินอย่างถูกต้องแม่นยำกว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับวิตามินดีในปริมาณที่ต้องการ
นอกจากนี้ ตัวยาวิตามินดีที่แพทย์สั่งจ่ายก็มีหลักๆ อยู่ 3 ชนิด จะรับประทานชนิดใดก็ขึ้นกับสภาวะของผู้ป่วยแต่ละคน แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าวิตามินแบบไหนเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน ผู้ป่วยโรคตับและไตจำเป็นต้องได้รับวิตามินดีที่เป็นรูปแบบที่เหมาะสมเท่านั้น จึงจะได้ประสิทธิผลที่ดี
ขอย้ำว่าวิตามินดีเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย โดยเฉพาะในการเสริมสร้างกระดูกและสนับสนุนภูมิคุ้มกัน การเสริมวิตามินดีควรทำอย่างเหมาะสมและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากใช้ในปริมาณสูง หรือผู้มีโรคประจำตัวจำเป็นต้องใช้ ต้องปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง
รศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ และรศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า