สารให้ความหวานแทนน้ำตาลปลอดภัยจริงหรือ (ตอน 2)


รู้เรื่องยากับเภสัชจุฬาฯ : สารให้ความหวานแทนน้ำตาลปลอดภัยจริงหรือ (ตอน 2)

วันจันทร์ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2566, 06.00 น.

    สัปดาห์ที่แล้วได้นำเสนอข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก(WHO) ว่าการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลในระยะยาวไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย สัปดาห์นี้จะลงรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องเดิมว่า การใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลมีข้อควรคำนึงถึงอย่างไรบ้าง

    สารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ให้พลังงานน้อยหรือไม่ให้พลังงานเลย ที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เช่น acesulfame potassium, advantame, aspartame, cyclamate, neotame, saccharin, steviol glycosides, sucralose จะเห็นว่าตัวที่เราค่อนข้างคุ้นเคย คือ aspartame กับ saccharin ซึ่ง saccharin นั้นเรารู้จักในนามขัณฑสกรมานานมากแล้ว acesulfame potassium และตัวที่เพิ่งจะดังไม่นานมานี้ ก็คือสารสกัดจากหญ้าหวานหรือ stevia แต่ละอุตสาหกรรมอาหารก็เลือกใช้แตกต่างกันไป เนื่องจากบางตัวรสชาติเปลี่ยน เมื่อผ่านความร้อน บางตัวไม่เปลี่ยนแปลง จึงเหมาะกับอาหารที่ต้องปรุงด้วยความร้อน เป็นต้น

    ส่วนคนที่ไม่ได้เติมน้ำตาลเทียมในอาหาร แต่บริโภคจากเครื่องดื่มหรืออาหารสำเร็จรูปที่มีฉลากว่า sugar free, zero, lite หรือ ใช้คำว่า “น้ำตาลน้อยกว่า” เป็นต้น อย่างไรก็ดี ในบางครั้งผู้ประกอบการไม่ระบุคำใดๆ บนฉลากให้มากพอที่จะสังเกตได้ ระบุเพียงบนส่วนประกอบเท่านั้น ถ้าผู้บริโภคไม่อ่านให้ดี อาจไม่ทราบว่าได้รับประทาน หรือดื่มเข้าไปแล้ว

    จากนี้ไปจึงต้องอ่านและศึกษารายละเอียดฉลากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ดีว่าเรากำลังนำสิ่งใดเข้าสู่ร่างกายอันที่จริงแล้ว เราเกือบทุกคนติดรสหวานไม่มากก็น้อย เราลองมาดูความต่างระหว่าง สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลกับน้ำตาล อย่างเช่น เราชงกาแฟแล้วเติมน้ำตาล 1 ช้อนชา หรือประมาณ 4 กรัม เราจะได้พลังงาน 16 กิโลแคลอรี่ แต่ถ้าเราใช้ stevia หรือสารสกัดจากหญ้าหวานแทน เราจะได้รสหวานโดยไม่ได้รับพลังงาน และให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลปกติถึง 300 กว่าเท่า หรือถ้าเราเป็นคนติดน้ำอัดลม การดื่มน้ำอัดลมกระป๋องขนาด 325 มิลลิลิตร จะมีน้ำตาล 34 กรัม คิดเป็น 140 กิโลแคลอรี่ แต่หากเราเลือกสูตร zero หรือ lite เมื่อดูที่ฉลาก จะเห็นว่าพลังงานเป็น 0 กิโลแคลอรี่ หรือให้พลังงานน้อยกว่าสูตรที่ใช้น้ำตาล หมายความว่า การเลือกเครื่องดื่มเหล่านี้ จะทำให้เราได้น้ำตาลและพลังงานน้อยกว่าสูตรปกติ ซึ่งเป็นผลดีต่อการควบคุมระดับน้ำตาลของคนไข้เบาหวาน และเป็นการคุมแคลอรี่ที่รับเข้าสู่ร่างกายของคนปกติ นั่นหมายความว่าถ้าเดิมเราเคยดื่มน้ำอัดลมวันละกระป๋องทุกวัน และเราเปลี่ยนสูตรจากดั้งเดิมเป็นปราศจากน้ำตาล โดยเรากินอาหารอย่างอื่นและไม่เปลี่ยนแปลงกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน เราควรน้ำหนักลดลง ซึ่งก็เป็นเรื่องตรงไปตรงมา

    แต่กลับปรากฏว่า การที่เราบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่ใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลในระยะยาวไม่ทำให้เราควบคุมน้ำหนักได้ ตรงข้ามข้อมูลชี้ให้เห็นว่าการใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลในระยะยาว กลับมีความสัมพันธ์ที่เพิ่มความเสี่ยงการเกิดภาวะอ้วน 1.76 เท่า และยังเพิ่มความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน 1.23-1.34 เท่า (ความเสี่ยงที่ว่านี้จัดว่าอยู่ในระดับต่ำ)

    จากข้อมูลนี้ ทำให้เราเห็นว่ามันสวนทางกับความรู้สึก เพราะเราอุตส่าห์เลือกกิน หรือดื่ม อาหารและเครื่อมดื่มที่ใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาล แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรเลย

    อีกมิติหนึ่งที่เราต้องพิจารณาคือ แม้เราจะลด และระวังการบริโภคน้ำตาล โดยใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่หากเราไม่ระมัดระวังในเรื่องอื่นๆ เช่น การคุมแคลอรี่ทั้งหมดที่เรากินเข้าไป เช่น จากแป้ง โปรตีน และไขมัน แล้วไม่ออกกำลังกาย ขอบอกว่าการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลก็ไม่ได้ช่วยลดพลังงาน และลดน้ำหนัก

    ส่วนการเกิดเบาหวาน แค่เพียงคุมน้ำตาลอย่างเดียว แต่ไม่คุมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ให้ดี ก็ไม่ลดโอกาสของเบาหวาน

    สรุป การใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล อาจไม่ได้ตอบโจทย์สุขภาพในเรื่องลดการเป็นเบาหวาน และลดความอ้วน แต่เรายังสามารถใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมการระมัดระวังปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆ ต้องหลีกเลี่ยง หรือลดความหวานลง ซึ่งดีที่สุด

รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม และ ผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ

คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้

บันทึก

Leave Comment

 
 
Contact : 254 ถนนพญาไท เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
02-218-8257
Email: info@pharm.chula.ac.th
ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับยา สุขภาพหรือนวัตกรรมของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ที่ Line official @guruya หรือเว็บไซต์ https://www.pharm.chula.ac.th/guruya/